การรีโนเวทบ้าน
มีความหมายครอบคลุมทั้งการรื้อถอนบางส่วน, การปรับปรุง, การต่อเติม และการตกแต่งที่ทำกับบ้านที่กำลังพักอาศัยอยู่ภายในเขตพื้นที่บ้านของเราเอง ซึ่งเราอาจคิดว่าเป็นการทำกับทรัพย์สินของเราเองไม่น่าจะต้องปรึกษาใครหรือไปขออนุญาตใคร แต่จริงๆแล้วการกระทำดังข้างต้นมีผลต่อเรื่องความปลอดภัยและอาจมีผลกระทบต่อเพื่อนบ้านข้างเคียง ดังนั้นเมื่อคิดที่จะรีโนเวทบ้านสักหลัง เจ้าของบ้านควรชัดเจนกับขอบเขตความต้องการของตัวเองเสียก่อน เพื่อรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำต้องทำอย่างไรให้ถูกต้องและจะได้ตั้งโจทย์ให้กับทีมช่าง หรือผู้ออกแบบไปดำเนินการต่อได้อย่างตรงใจ
1. การดัดแปลงอาคาร ต่างจากการซ่อมแซมอาคาร เนื่องจาก
“ดัดแปลง” หมายความว่า เปลี่ยนแปลง ต่อเติม เพิ่ม ลด หรือขยายซึ่งลักษณะขอบเขต แบบ รูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก เนื้อที่ ของโครงสร้างของอาคารหรือส่วนต่างๆของอาคารซึ่งได้ก่อสร้างไว้แล้วให้ผิดไปจากเดิม และมิใช่การซ่อมแซม หรือการดัดแปลงที่กำหนดในกฎกระทรวง
“ซ่อมแซม” หมายความว่า ซ่อมหรือเปลี่ยนส่วนต่างๆของอาคารให้คงสภาพเดิม
2. การต่อเติมเพิ่มห้องด้านหลังทาวน์โฮม หรือต่อเติมโรงจอดรถด้านหน้าทาวน์โฮม จัดว่าไม่สอดคล้องกับข้อกฎหมาย เนื่องจากข้อกฎหมายกำหนดไว้ให้ ทาวน์โฮมที่ไม่ติดถนนสาธารณะจะต้องเว้นพื้นที่ว่างด้านหน้าเอาไว้อย่างน้อย 6 เมตร และต้องเว้นที่ว่างด้านหลังเอาไว้อย่างน้อย 3 เมตร สรุปง่ายๆคือ ตามกฏหมายไม่สามารถต่อเติมด้านหน้าหรือด้านหลังได้
3. การย้ายตำแหน่งห้องน้ำหรือบันได, การขยายห้องน้ำหรือเปลี่ยนรูปทรงบันได ที่มีการเพิ่มหรือลดโครงสร้างเสา คาน หรือเปลี่ยนวัสดุ เพิ่มน้ำหนักเกินกว่าร้อยละ10 จากเดิม ก็ถือได้ว่าเป็นการดัดแปลงอาคารที่จะต้องได้รับอนุญาตจากราชการเสียก่อนจึงจะดำเนินการก่อสร้างได้
4. หากเจ้าของบ้านต้องการเปลี่ยนวัสดุโครงสร้างหลังคา จากโครงสร้างไม้มาเป็นโครงสร้างเหล็กรูปพรรณ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทาน ดูแลง่าย แม้ว่าจะไม่มีการเพิ่มหรือลดขนาด หรือเปลี่ยนรูปทรงหลังคา ก็ถือได้ว่าเป็นการดัดแปลงอาคารที่จะต้องได้รับอนุญาตจากราชการเสียก่อนจึงจะดำเนินการก่อสร้างได้เช่นกัน
.
5. หากเจ้าของบ้านต้องการเปลี่ยนแปลง ผนังซึ่งไม่ใช่โครงสร้างรับน้ำหนัก พื้น ฝ้าเพดาน ประตู หน้าต่าง โดยใช้วัสดุชนิดเดิม หรือการเปลี่ยนแปลงนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 10 จากของเดิม สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตดัดแปลงอาคารกับทางราชการ
6. หากเจ้าของบ้านต้องการเปลี่ยนโครงสร้างอาคาร ได้แก่ เสา, คาน, ตง และพื้น ซึ่งไม่ได้ทำด้วย คอนกรีตเสริมเหล็ก คอนกรีตอัดแรง หรือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ และใช้วัสดุชนิดเดิม ขนาดเท่าเดิม จำนวนเท่าเดิม สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตดัดแปลงอาคารกับทางราชการ เช่น การเปลี่ยนคานไม้ที่ผุ หรือ แอ่น โดยยังใช้เป็นคานไม้เช่นเดิม
7. ส่วนต่อเติมควรถอยห่างจากแนวรั้ว เว้นช่องว่างเป็นทางเดินให้สามารถเข้าไปดูแลทำความสะอาดได้ นอกจากนี้การถอยห่างยังช่วยลดปัญหาน้ำฝนจากชายคาพุ่งข้ามรั้วไปสร้างปัญหากวนใจเพื่อนบ้าน, ช่วยชะลอการลุกลามเมื่อเกิดไฟไหม้, เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย และเว้นพื้นที่สำหรับฝังแนวบ่อพัก ท่อระบายน้ำทิ้งให้สามารถเข้าไปบำรุงรักษาได้อย่างสะดวก
8. การถอยห่างจากแนวเขตที่ดินของส่วนต่อเติม เรียกว่า “ระยะร่น” ระยะร่นของส่วนต่อเติมจะพิจารณาร่วมกันกับความสูงของบ้านเดิม หากบ้านเดิมมีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ส่วนต่อเติมจะต้องถอยร่นจากแนวเขตที่ดินอย่างน้อย 50 ซม. และผนังด้านนั้นจะต้องเป็นผนังทึบ อาจมีบล็อกแก้วประกอบอยู่ไม่เกินร้อยละ 10 ของพื้นที่ผนังด้านนั้น และติดตั้งสูงจากพื้นห้องไม่ต่ำกว่า 1.80 ม. โดยไม่สามารถเจาะช่องลม หรือติดตั้งพัดลมระบายอากาศได้ หากต้องการมีหน้าต่าง ประตู ช่องลมที่ผนังด้านนั้นจำเป็นต้องถอยร่นแนวอาคารให้ห่างจากแนวเขตที่ดินอย่างน้อย 2 เมตร
9. สำหรับบ้านเดิมมีความสูงเกิน 9 เมตรแต่ไม่ถึง 23 เมตร ส่วนต่อเติมจะต้องถอยร่นจากแนวเขตที่ดินอย่างน้อย 1 เมตร และผนังด้านนั้นจะต้องเป็นผนังทึบ หรือ อาจมีบล็อกแก้วประกอบอยู่ไม่เกินร้อยละ 10 ของพื้นที่ผนังนั้น และติดตั้งสูงจากพื้นห้องไม่ต่ำกว่า 1.80 ม.เท่านั้น และไม่สามารถเจาะช่องลม หรือติดตั้งพัดลมระบายอากาศได้ หากต้องการมีหน้าต่าง ประตู ช่องลมที่ผนังด้านนั้นจำเป็นต้องถอยร่นแนวอาคารให้ห่างจากแนวเขตที่ดินอย่างน้อย 3 เมตร
10. ขนาดของส่วนต่อเติมเมื่อรวมเข้ากับขนาดของบ้านเดิมแล้ว จะต้องมีสัดส่วนไม่มากกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ดิน เพื่อยังคงสัดส่วนของพื้นที่เปิดโล่งร้อยละ 30 ของพื้นที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และเมื่อต่อเติมเพิ่มหลังคากันสาดด้านข้างบ้าน หรือต่อเติมหลังคาโรงจอดรถ หรือต่อเติมเพิ่มความยาวชายคาบ้านเดิม ย่อมทำให้ขนาดพื้นที่เปิดโล่งตามข้อกฎหมายลดลงด้วย
11. หากเจ้าของบ้านต้องการต่อเติมเพิ่มห้องจนชิดแนวรั้วบ้าน สามารถทำได้โดยจะต้องได้รับความยินยอมจากเพื่อนบ้านอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเสียก่อน ผนังของส่วนต่อเติมด้านที่ชิดกับเพื่อนบ้านจะต้องเป็นผนังทึบ และมีความสูงไม่เกิน 15 เมตร
12. หากเจ้าของบ้านต้องการต่อเติมโรงจอดรถ แนวอาคาร ได้แก่ ผนัง หรือเสาของโรงจอดรถจะต้องถอยร่นจากแนวเขตที่ดินอย่างน้อย 50 ซม. ตามที่ข้อกฎหมายได้กำหนดระยะถอยร่นเอาไว้
13. การต่อเติมระเบียงชั้นล่าง หรือการสร้างสระว่ายน้ำ หรือทางเดินที่มีความสูงไม่เกิน 1.20 เมตรจากพื้นดิน โดยเปิดโล่งไม่มีหลังคาปกคลุม และไม่มีโครงสร้างเชื่อมต่อกับอาคารเดิม ยังคงถือเป็นพื้นที่ว่างตามกฎหมาย
14. หากต้องการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าบนหลังคาบ้าน ที่ขนาดพื้นที่ติดตั้งไม่เกิน 160 ตารางเมตร และมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อตารางเมตร สามารถทำได้โดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตดัดแปลงอาคาร แต่ทั้งนี้ต้องมีวิศวกรโยธาตรวจและรับรองความมั่นคงแข็งแรง
15. การดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือ ทำผิดจากแบบที่ได้รับอนุญาต มีโทษตามกฎหมาย โดยระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังกำหนดโทษปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลา ที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ข้อควรรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายในการรีโนเวททั้ง 15 ข้อที่ได้กล่าวมานั้น เป็นเพียงการยกตัวอย่างบางส่วนบางกรณีที่สอดคล้องกับข้อสงสัยของเจ้าของบ้านส่วนใหญ่ที่ต้องการจะปรับปรุงต่อเติมบ้าน ดังนั้นหากเจ้าของบ้านท่านใดที่ตั้งโจทย์ในการรีโนเวทบ้านเดิมไว้แล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าจะสอดคล้องกับข้อกฎหมายควบคุมอาคารหรือไม่ ขอแนะนำให้ลองปรึกษากับทางสถาปนิกดูสักครั้ง เพื่อให้ทางสถาปนิกช่วยตรวจสอบ ประเมินความเป็นไปได้ และสานต่อโจทย์นั้นให้เป็นจริงได้อย่างถูกต้องภายใต้กรอบของข้อกฎหมาย